ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

DONKI (Thailand) Co., Ltd.

1. บทนำ

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (ต่อไปนี้ให้เรียกว่า “นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ) ประกอบด้วยนโยบาย กระบวนการและแนวทางปฏิบัติ ซึ่งบริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปนี้ให้เรียกว่า “บริษัท”) จะต้องนำมาปฏิบัติตาม โดยจะเกี่ยวข้องกับการรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ต่อไปนี้ให้เรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”) ของลูกจ้าง (ต่อไปนี้ให้เรียกว่า “ลูกจ้าง”) ของบริษัท

บริษัทมีความเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้บรรลุตามคำมั่นสัญญาของบริษัทในการเคารพและปกป้องความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวเนื่องกับการจ้างงานของลูกจ้างนั้น บริษัทจะยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลักการดังต่อไปนี้

1) บริษัทจะแจ้งลูกจ้างเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกเก็บรวบรวม และวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้าง รวมทั้งฐานทางกฎหมายสำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยดังกล่าวนั้นแก่ลูกจ้าง และหากเป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้การเก็บรวบรวมต้องกระทำภายใต้ความยินยอมของลูกจ้าง บริษัทจะดำเนินการตามสมควรเพื่อให้ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกจ้างสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น

2) บริษัทจะเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้เท่านั้น

3) บริษัทจะใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างเพื่อวัตถุประสงค์ที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้เท่านั้น เว้นแต่เป็นการดำเนินการภายใต้ความยินยอมของลูกจ้างหรือตามที่กฎหมายกำหนด และจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างไว้เป็นระยะเวลาเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุเท่านั้น

4) บริษัทจะพยายามทำให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างมีความถูกต้อง สมบูรณ์และมีความเป็นปัจจุบัน

5) บริษัทจะใช้มาตรการทางเทคนิคและมาตรการขององค์กรที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้าง

6) ลูกจ้าง ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง และสามารถแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้ถูกต้องตามสมควร ตามสิทธิของลูกจ้างภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง


2. บทนิยามบริษัท

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ให้ใช้บังคับกับ บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด

ลูกจ้า

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ให้ใช้บังคับต่อข้
อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างผู้ได้รับการจ้างงานจากบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคล – ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึงข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคล
อันสามารถบ่งชี้ตัวบุคคลได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของบุคคลที่เสียชีวิตแล้วโดยเฉพาะเจาะจง





3. วัตถุประสงค์ของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้

ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกเก็บรวบรวม ใช้ และถูกเปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในการจ้างงานของบริษัท การบริหารจัดการการจ้างงานลูกจ้าง การพิจารณาทบทวนความสามารถในการปฏิบัติงาน การบริหารจัดการเงินเดือนของลูกจ้าง การดำเนินการเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง และเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้เท่านั้น การเก็บรวบรวม การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกดำเนินการในลักษณะที่แตกต่างไปจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์เดิมที่ระบุไว้ ในกรณีที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบก่อนที่จะมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยตามแต่ละวัตถุประสงค์ใหม่นั้น





4. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและฐานทางกฎหมายสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ประเภทและปริมาณของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกเก็บรวบรวมโดยบริษัทนั้น จะเป็นไปเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่สมเหตุสมผลเท่านั้น โดยรายละเอียดของวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ฐานทางกฎหมาย และข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกเก็บรวบรวม มีดังต่อไปนี้

1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากฐานความยินยอม tai

2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ฐานความยินยอม tai

โดยหลักการ
บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) อาทิ ข้อมูลที่เกี่ยวกับความคิดเห็นการเมือง หรือความเชื่อทางศาสนา หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือข้อกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดใดๆ โดยลูกจ้าง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว บริษัทจะแจ้งแก่ลูกจ้าง และดำเนินการตามสมควรเพื่อให้ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกจ้างก่อนที่จะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
นอกจากนี้
บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากที่ได้รับจากลูกจ้างโดยตรง เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทได้แจ้งแก่ลูกจ้างโดยไม่ชักช้าเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวจากแหล่งอื่น โดยการแจ้งนั้นจะถูกดำเนินการไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวม และได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากลูกจ้าง





5. การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะควบคุมดูแลการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดให้มีความมั่นคงปลอดภัย และจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลภายนอก เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้

(ก) กรณีที่ลูกจ้างซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลที่จะถูกเปิดเผยนั้นได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
(ข) กรณีที่การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
(ค) กรณีที่บริษัทได้รับอนุญาตหรือจำเป็นต้องทำตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(ง) กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินเพื่อป้องกันความปลอดภัยทางกายภาพของลูกจ้าง

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างต่อบริษัทที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง Pan Pacific International Holdings Corporation, Pan Pacific Retail Management (Singapore) Pte. Ltd., ผู้ให้บริการระบบเงินเดือน และเก็บฐานข้อมูลพนักงาน บริษัทผู้ให้บริการประกันภัย ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ ผู้สอบบัญชี ผู้ให้บริการด้านระบบสารสนเทศ ผู้ให้บริการระบบเครือข่าย การเก็บข้อมูล การประมวลผล การใช้งานด้านซอฟต์แวร์ เป็นต้น โดยบริษัทได้กำหนดให้บุคคลหรือองค์กรดังกล่าวดำเนินมาตรการตามสมควรเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจได้รับจากบริษัทเพื่อนำไปปฏิบัติงาน โดยยึดมั่นในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท และกำหนดมิให้บุคคลหรือองค์กรเหล่านั้นใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์อื่น





6. การถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างอาจถูกถ่ายโอนไปยังบริษัทในเครือที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศไทย ดังนี้ (ต่อไปนี้ให้เรียกว่า “บริษัทในเครือ”)


  • Pan Pacific International Holdings Corporation (ประเทศญี่ปุ่น)

  • Pan Pacific Retail Management (Singapore) Pte. Ltd. (ประเทศสิงคโปร์)

ในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอตามตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย บริษัทจะทำให้มั่นใจได้ว่า การโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามมาตรฐานการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม และจะทำให้มั่นใจได้ว่า บรรดาบริษัทในเครือทั้งหมดได้ปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้







7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเก็บรักษา

บรรดาข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่บริษัทเก็บรวบรวม จะถูกเก็บรักษาไว้โดยบริษัทตลอดระยะเวลาการจ้างงานของลูกจ้าง รวมถึงระยะเวลาหลังจากการจ้างงานสิ้นสุดลงตราบเท่าที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ หรือตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด

ในการนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างจะถูกเก็บรักษาไว้ที่บริษัทเป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากการสิ้นสุดของสัญญาจ้าง โดยเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษาดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้าง หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของลูกจ้างได้





8. สิทธิของลูกจ้าง

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ลูกจ้างมีสิทธิดังต่อไปนี้
(ก) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างเอง
(ข) สิทธิในการได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างเอง
(ค) สิทธิในการร้องขอให้ลบหรือระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างเอง หลังจากที่สัญญาการจ้างงานสิ้นสุดลง เว้นแต่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้โดยกฎหมาย
(ง) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้างเองให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน
(จ) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมของลูกจ้างที่ได้ให้ไว้กับบริษัท
(ฉ) สิทธิในการได้รับการแจ้งให้ทราบเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลตกอยู่ในความเสี่ยงตามที่กฎหมายกำหนด





10. การปรับปรุงและการแก้ไขเปลี่ยนแปลง

บริษัทอาจทำการปรับปรุง แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ณ เวลาใดๆ และในลักษณะใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ โดยบริษัทจะแจ้งการปรับปรุง การแก้ไข หรือการเปลี่ยนแปลงแก่ลูกจ้างผ่านทางหนังสือแจ้งที่จะได้ประกาศลงบนแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ของห้างสรรพสินค้าและห้องสนทนาของแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า “Microsoft Teams”





11. กฎหมายที่ใช้บังคับ

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จัดทำขึ้นภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 แห่งราชอาณาจักรไทย
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568

( นายเทอิจิ โอมุระ ) ( นายวิชา เจ็งเจริญ )
( Mr. Teiji Oomura ) ( Mr. Wicha Chengcharoen )
ประธานกรรมการบริษัท / President
กรรมการบริษัท / Director